ขอแชร์มาจาก.. ศิริศักดิ์ สงครามสุข20 พฤศจิกายน 2014 ในกลุ่มเส้นทางสู่พระนิพพาน ตามแบบฉบับหลวงพ่อพระราชพรหม ครับ ขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ
รวมสารธรรม ชุดที่ 5 คำสอนหลวงพ่อที่วิหาร ๑๐๐ เมตร (ตอนที่ 1 - 20)
........สำหรับเทปชุดนี้เป็นคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ "พระราชพรหมยาน" ในตอนเที่ยงวัน ณ วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร เนื่องจากในเวลานั้น วิหารเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ท่านจึงได้ลงมาสอนพระกรรมฐานทุกวัน หลังจากฉันภัตตาหารเพลแล้ว
ท่านผู้รับฟังคลิปเสียงชุดนี้ ควรจะหาโอกาสตั้งใจฟังในขณะเจริญพระกรรมฐาน เพราะท่านสอนจบ 30 นาทีแล้ว จึงนั่งสมาธิต่ออีกประมาณ 20 นาที แล้วอุทิศส่วนกุศล คำสอนชุดนี้เหมาะสำหรับนักปฏิบัติกรรมฐานที่กระทำเป็นประจำทุกวัน หมายถึงลงมือปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริงแล้วนั่นเอง
.......การฟังธรรมะชุดนี้ใช้วิธีการให้ทันสมัยยิ่งขึ้น คิดว่าน่าจะเปิดได้ทุกท่าน ส่วนการเปิดฟังเสียง ขอให้กดปุ่ม Play ทีละปุ่ม รอสักครู่เพื่อการโหลดเสียง จะช้าหรือเร็วอยู่ที่เน็ตของท่าน แล้วรออีกสักพักเสียงจะดังขึ้นมาเอง (ท่านสามารถเปิดฟังใน iphone ipad samsung ใน Smartphone ได้ทุกรุ่น)
***หลวงพ่อสอนวิธีทำบารมีเต็มโดยเร็ว***
ขอฝากธรรมทานนี้ ให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆชาวเว็ปผลบุญที่รักทุกท่าน
(คุณ Tonwade โพสต์ในเว็บผลบุญ)
"...เช้ามานี้ เกิดความอัศจรรย์ที่ได้เข้าไปฟังคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงในเว๊ปวัดท่าซุง
เป็นคำสอนด้านการฝึกอาโลกสิณและการทำกำลังใจให้บารมีเต็มได้โดยเร็ว ซึ่งหลวงพ่อพูดละเอียดมาก จึงขอฝากธรรมทานอันเลิศยิ่งนี้ไว้ให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่รักทั้งหลายตามลิ้งด้านล่าง ซึ่งเป็นคำสอนหลวงพ่อ ที่วิหารแก้ว ม้วนที่ 20 ตอนที่ 2www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=957
โดยฟังแล้วจะได้คำตอบในประเด็นสำคัญว่า
-->ทำอย่างไร ทิพย์จักขุญาณจึงจะแจ่มใสดุจพระอาทิตย์เวลาเที่ยงวัน
-->ภาพกสิณของฌานโลกีย์และฌานโลกุตระ มีภาพต่างกันอย่างไร
-->จะตรวจสอบตนเองอย่างไร ว่าจิตกำลังทรงฌาน 4
-->ทำอย่างไร จึงจะขอดูภาพเรื่องราวต่างๆ จากกสิณภาพพระ ได้อย่างไม่รู้สึกผิดว่าเรากำลัง "ใช้" พระท่าน
-->ทำอย่างไร บารมีจึงจะเต็มได้โดยเร็ว (สำหรับคนเอาจริง)
ขอสรุปให้อ่านในประเด็นหลักๆ นะครับ แต่แนะนำให้ฟังเองดีกว่าจะเข้าใจกว่ามากจ้า
--> การใช้อาโลกสิณจะช่วยให้ทิพย์จักขุญาณแจ่มใส เนื่องจากอาโลกสิณเป็นตัวต้นของทิพย์จักขุญาณ จึงควรฝึกให้คล่องถ้าปรารถนาให้ทิพย์จักขุญาณแจ่มใส จุดที่ต้องการจริงๆคือนึกภาพพระเมื่อไร ภาพพระก็ปรากฏทันทีและเป็นแก้วแพรวพราวระยับ
--> ทำอย่างไรให้ภาพกสิณเป็นแก้วระยับ
.......ภาพกสิณที่เป็นแก้วแพรวพราวเป็นประกายระยับนั้น บ่งบอกว่าจิตเราขณะนั้นเป็นฌานโลกุตระ ถ้าเป็นแค่แก้วใส แต่ไม่เป็นประกายระยับจะเป็นแค่ระดับฌานโลกีย์ การปฏิบัติให้เข้าสู่ฌานโลกุตระ ให้วางกำลังใจไล่จาก ศีล->สมาธิ->ปัญญา ก่อนจะทำกสิณภาพพระ
ก่อนอื่นต้องทำกำลังใจรักษาศีลให้ทรงตัว และนึกถึงพรหมวิหารสี่เป็นอัปปมัญญาเพื่อระงับนิวรณ์ชั่วคราว แล้วใช้วิปัสนาญาณตามกำลังใจของตนเอง
-- กำลังใจอ่อนหน่อยให้พิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของร่างกาย
-- กำลังใจอย่างสูงให้พิจารณาว่าอีกไม่นานแล้วหนอ ร่างกายนี้ก็จะปราศจากจิตวิญญาณคือตาย ศพมีสภาพดั่งขอนไม้ที่ชาวบ้านเค้าไม่ต้องการ ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ร่างกายแบบนี้มันจะพังเมื่อไรก็พังไป ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะมีร่างกายที่ไร้ประโยชน์แบบนี้ ตายเมื่อไร ขอไปพระนิพพานจุดเดียว
เมื่อกำลังใจเป็นดังนี้แล้ว เมื่อภาวนานึกถึงภาพพระก็จะปรากฏภาพพระชัดเจน แจ่มใส สว่างแพรวพราวระยับ
-->จะตรวจสอบตนเองอย่างไร ว่าจิตกำลังทรงฌานสี่
.......ในขณะที่จับภาพกสิณ ถ้าขณะใดยังรู้ตัวว่ามีลมหายใจก็ยังไม่ถึงฌานสี่ ถ้าขณะใดรู้ตัวว่าไม่มีลมหายใจก็เป็นฌานสี่
-->ทำอย่างไร จึงจะขอดูภาพเรื่องราวต่างๆ จากกสิณภาพพระ ได้อย่างไม่รู้สึกผิดว่าเรากำลัง "ใช้" พระท่าน
.......เมื่อเดินจิตจนปรากฏกสิณภาพพระสว่างแพรวพราวเป็นระยับแล้ว ให้อธิษฐานขอภาพพระจงหายไปชั่วคราว ขอภาพอาโลกสิณจงปรากฏขึ้นแทน แล้วก็อธิษฐานขอทราบเรื่องราวต่างๆจากภาพอาโลกสิณแทน
-->ทำอย่างไร บารมีจึงจะเต็มได้โดยเร็ว (สำหรับคนเอาจริง ท่านว่า 7 วัน)
.......เมื่อเดินจิตจนปรากฏกสิณภาพพระสว่างแพรวพราวเป็นระยับแล้ว ให้ทำมโนมยิทธิไปกราบพระพุทธองค์ที่วิมานของท่านบนพระนิพพาน แล้วให้ถามพระท่านว่า บุญบารมีที่เราสะสมมายังอ่อนตรงไหน พร่องตรงไหน ควรปฏิบัติอย่างไร พระท่านจะแนะนำจุดที่เราควรปรับปรุงและวิธีการปฏิบัติที่ตรงจุด จิตเราจะเกิดศรัทธายิ่งกับคำแนะนำนี้เพราะพระท่านบอกเราโดยตรง ให้ปฏิบัติความเพียรตามคำแนะนำดังกล่าว หลวงพ่อท่านว่า อย่างช้าไม่เกิน 1 เดือนเห็นผล แต่ถ้าเอาจริงก็ไม่เกิน 7 วัน..."
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=957
หน้าที่เข้าชม | 1,376,058 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,080,675 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ธ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ก.ค. 2568 |