ขอแชร์จากเฟส ศิริศักดิ์ สงครามสุข
O ญาติโยมผู้หนึ่งได้ทำเหตุอันเป็นบุญเป็นกุศลเพียงพอ ก็ได้เสวยผลในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากการทำเลย เรื่องนี้เป็นที่รู้กันพอสมควรในบรรดาผู้รู้จักมักคุ้น คือญาติโยมผู้นั้นเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เมื่อมีอายุประมาณ ๓๐ ปี
วันหนึ่งอยากจะใส่บาตรสักวันละร้อยรูป เพราะเช้าวันนั้นตื่นนอนแต่เช้า มองออกไปนอกบ้านเห็นพระเดินรับบิณฑบาตอย่างสงบเรียบร้อยหลายรูป สีผ้าเหลืองงดงามน่าชื่นใจ ทำให้เกิดปีติ พร้อมกับเกิดความคิดอยากจะเห็นผ้าเหลืองงดงามจำนวนเป็นร้อยในบ้านของตนบ้าง
นั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ตัดสินใจขอแรงผู้คนในบ้าน ซึ่งสมัยนั้นมีคนทำงานบ้านอยู่มาก เป็นสิบคนและทุกคนมีน้ำใจ เมื่อได้รับทราบความต้องการก็ร่วมกันจัดให้ได้ถวายอาหารบิณฑบาตพระภิกษุสามเณรวันละร้อยรูป เป็นเวลานานถึง ๑๐ ปีโดยประมาณ จึงเกิดเหตุจำเป็นให้ต้องหยุด
พระภิกษุหลายรูปยังพูดถึงอยู่ ว่าท่านเป็นรูปหนึ่งในร้อยรูป ร้อยรูปจริงๆ เพราะการเตรียมอาหารเท่าจำนวนพระทุกวัน และโดยไม่ต้องนิมนต์พระเณรก็เมตตาเดินเข้าไปรับบิณฑบาตในบ้านญาติโยมผู้นั้นทุกวัน เห็นสีเหลืองอร่ามงดงามนัก
ต่อมาไม่กี่ปีหลังหยุดใส่บาตรจำนวนร้อย ญาติโยมผู้นั้นไปขอปฏิบัติธรรมที่เขาสวนหลวงราชบุรี ที่มีคุณป้ากี นานายน เป็นประธานสำนักเขาสวนหลวงมีกฎเกณฑ์อยู่อย่างหนึ่งคือให้ผู้ไปปฏิบัติรับประมานอาหารไม่มีเนื้อสัตว์ และผู้ไปอยู่ต้องหุงหาอาหารรับประมานเอง
ญาติโยมผู้นั้นเล่าว่าตั้งใจจะรับประทานขนมปังกรอบกับเครื่องดื่มเท่านั้น จะไม่รับประทานข้าว เพราะไม่อยากหุงหาให้ลำบาก จึงเตรียมไปแต่ขนมปังและเครื่องชงเท่านั้น วันแรกที่ไปถึงก็อัศจรรย์อยู่ เพราะบนลานหินสูงกว้างใหญ่ ที่จัดเป็นที่แสดงธรรมอบรมทุกวัน
เย็นนั้นก็มีการอบรมเช่นเคย โดยคุณป้ากีผู้เป็นประธานในสถานที่นั้นเป็นผู้ให้การอบรม และมีญาติโยมที่อยู่ปฏิบัติธรรมไปรับการอบรมจำนวนพอสมควรญาติโยมที่ไปถึงเป็นวันแรกก็เข้าไปร่วมด้วย
โดยเดินไปนั่งที่ม้าหินตัวหนึ่งซึ่งญาติโยมผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ได้รับเชิญให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีโต๊ะวางอยู่ข้างหน้า และบนโต๊ะตัวนั้นมีน้ำส้มคั้นกับน้ำเย็นวางไว้ด้วย โดยญาติโยมได้รับบอกเล่าว่า จัดไว้ให้รับประทาน
นอนคืนนั้นแล้ว รุ่งเช้าต้องตื่นตี ๓ เพื่อไปรับการอบรมที่ที่อบรม กลับไปที่พักตี ๕ กว่าๆ เข้าห้องอาบน้ำคิดว่าแล้วจะรับประทานอาหารเช้าตามที่ตั้งใจจัดเตรียมไป คือขนมปังกรอบกับเครื่องชง ไม่ใช่ข้าวต้มข้าวสวยอะไรทั้งนั้น
แต่พอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ก็ต้องประหลาดใจอย่างมากที่สุด เพราะมีถาดข้าวต้มร้อนๆ วางอยู่ในห้องแล้ว มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งที่นำมานั่งรออยู่ และบอกว่า “คุณป้าท่านให้จัดมาให้คุณรับประทาน”
เท่านั้นยังไม่พอ ยังได้รับความตื่นเต้นมหัศจรรย์อีกมากมายขณะพักอยู่ที่เขาสวนหลวง โดยที่ไม่มีผู้ใดในที่นั้นรู้จักมาก่อนคุณป้าท่านก็ตาเสียทั้งสองข้าง และไม่รู้จักเธอมาก่อน ชื่อเสียงท่านก็ไม่เคยถาม ไปขอพักผ่อนก็สังจัดเรือนพักให้ ทั้งยังให้จัดอาหารให้ตลอด ๗ วันที่พักอยู่ มีอาหารเช้า อาหารเพล น้ำส้มค้น น้ำเย็น
ยิ่งกว่านั้นทุกวันญาติโยมผู้นั้นจะขึ้นไปพักในถ้ำบนเขาที่ไม่สูงนัก คุณป้าท่านก็ให้จัดอาหารเพลขึ้นไปส่งถึงในถ้ำทุกวันขอไม่รับ เจ้าหน้าที่ผู้จัดก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นความประสงค์ของคุณป้าท่าน ที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อผู้ใดที่ไปปฏิบัติ
พระเดชพระคุณของท่านนั้นญาติโดยผู้นั้นแสดงความปีติยินดีรู้พระคุณท่านมาก ที่ท่านเมตตาให้มีความเชื่อมั่นในเรื่องบุญและการส่งผลของบุญ ใครก็ตามที่ได้รับรู้เรื่องนี้ ย่อมอดไม่ได้ที่จะคิดว่าการตั้งใจจัดภัตตาหารถวายพระวันละร้อยรูปนานปีได้ส่งผลแล้วจริง ในเวลาที่ไม่ต้องรอภพชาติข้างหน้าเห็นได้ในภพชาตินี้นั่นเอง
O ญาติโยมผู้ที่มีศรัทธามากอยู่ในพระพุทธศาสนา ถึงกับจัดอาหารถวายบิณฑบาตวันละเป็นร้อยรูป และเป็นเวลา ๑๐ ปี ด้วยเงินส่วนตัวที่มิได้เป็นคนมั่งมีเงินล้าน เรียกว่าหาได้ก็กล้าใช้เพื่อการพระพุทธศาสนา
โดยไม่นึกถึงจะหมดได้เล่าด้วย ว่าวันหนึ่งไปขึ้นเขาพระวิหาร บังเอิญเป็นวันที่ต้องยกเขาพระวิหารให้เขมร และรถที่พาคณะไปก็บังเอิญเกิดเสีย กลับไม่ได้ คืนวันนั้นต้องนอนอยู่บนเขาพระวิหาร ไม่มีอาหารรับประทาน
รุ่งขึ้นจึงได้เดินทางกลับ ขณะใกล้จะพ้นจากเขาต้องเปลี่ยนรถ ต้องรอรถที่จะไปรับ ญาติโยมผู้นั้นหิวมาก ทั้งเป็นผู้อ่อนแอมากเมื่อหิวเต็มที่ ก็ถึงกับหมดแรง ลงนอนกลางถนนอิฐแดงที่บังเอิญฝนตกน้ำนอง
แต่เมื่อหมดแรงจริงก็ต้องลงนอน รอรถที่ยังมาไม่ถึง เธอเล่าว่าหมดแรงจริงๆ จนไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ มือเท้าก็หมดแรงเคลื่อนไหว ยังสงสัยว่ารถมาจะมิต้องให้มีผู้อุ้มหรือ จะไม่วุ่นวายกันใหญ่หรือเพราะนอกจากตัวเองแล้วไม่มีใครที่จะเข้าใจอาการหมดแรงอย่างแท้จริง
ขณะที่นอนกระดุกกระดิกไม่ได้กลางน้ำที่เปียกแฉะนั้น อย่างหมดปัญญาจะทำอย่างไร ความหิวท่วมท้นอย่างไม่เคยมาก่อน แต่แล้วก็มีผู้ชายจีนคนหนึ่งเดิมถือจานสังกะสีเล็กๆ ขอบน้ำเงิน มีไก่ย่างตัวนิดเดียว ขนาดลูกไก่เจี๊ยบจริงๆ ๓ ตัววางมาในจาน
พระรูปหนึ่งที่ไปในคณะเดินนำหน้าเขามาที่ญาติโยมผู้นั้นนอนอยู่ มีเพื่อนหญิงนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้วยคนหนึ่ง พระรูปนั้นบอกว่าเฒ่าแก่เอาไก่ย่างมาถวายพระ แต่เวลานั้นบ่ายสามโมง พระฉันไม่ได้ จึงพามาส่งให้ญาติโยม
ญาติโยมผู้นั้นเล่าว่าไม่สามารถจะลุกขึ้นได้ เพื่อนเป็นผู้รับจานไก่ และฉีกป้อนให้ เพราะไม่มีแรงพอจะแตะต้องอะไรได้ ฉีกไก่ก็ไม่ได้ใส่ปากเองไม่ได้ แต่เมื่อรับป้อนได้เพียงเนื้อไก่ชิ้นเล็กจริงๆ เพียง ๒ คำจริงๆ ก็ลืมความหิวลุกขึ้นได้เหมือนไม่เป็นอะไร ยกไก่ที่เหลือทั้งหมดให้เพื่อนไปรับประทานแทน
ตัวเองไม่รู้สึกสนใจจะรับประทานต่อไปแล้ว หายหิว หายหมดแรง ลุกขึ้นนั่งได้ยืนได้และเดินได้ในทันทีไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ได้เป็นแล้วจริง ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งก็คือ บริเวณที่ลงไปนอนไม่กระดิกได้นั้นเป็นป่าทึบจริงๆ ไม่เห็นบ้านเรือนเฒ่าแก่คนนั้นมาจากไหนก็ไม่รู้ได้ และไก่ย่างก็ตัวเล็กนิดเดียว แทบจะขนาดใส่เข้าไปในปากได้ทีเดียว
เทวดามาช่วย ผู้รู้เห็นเหตุการณ์น่าพิศวงนี้กล่าวตรงกันอย่างมั่นใจ ไม่ใช่คนแน่นอน ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น และไก่ย่างก็ตัวเล็กนิดเดียว แทบจะขนาดใส่เข้าในปากได้ทีเดียว
เทวดามาช่วย ผู้รู้เห็นเหตุการณ์น่าพิศวงนี้กล่าวตรงกันอย่างมั่นใจ ไม่ใช่คนแน่นอน ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น และไก่ย่างเล็กขนาดนั้นก็ไม่น่าทีให้กินในบริเวณนั้น ข้อสำคัญเพียงเนื้อไก่ชิ้นเล็กนิดเดียวจริงๆ เพียง ๒ คำที่กลืนลงไปหายหิวหายอ่อนเพลียอย่างมากมายในทันที
พอดีรถมารับ ก็ลุกขึ้ยรถไปอย่างคนที่ไม่หิวโหยอะไรแม้แต่น้อย จะไม่เชื่อว่าเป็นผลของบุญส่งมาถึง ก็ไม่อาจเชื่อเป็นอื่นได้ อานุภาพของบุญมีจริง และยิ่งใหญ่จริง ไม่พึงสงสัยแม้แต่น้อยเช่นนี้
O บุญ คือความดี ที่ควรเร่งทำอย่างยิ่งคือการเชื่อคำทรงสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาระลึกไว้ให้เสมอ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลมหายใจเข้าออก ว่ารับรู้รับฟังพระธรรมคำทรงสอนแล้ว ไม่ว่ามากว่าน้อย ก็จงเร่งปฏิบัติ
จำไว้อย่ารู้ลืมที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงเตือนสติไว้ว่า “ท่านทั้งหลายต้องทำความเพียรเองตถาคตเป็นแต่ผู้บอก” เพียรปฏิบัติตามที่ทรงสอน ให้เกิดเป็นปัญญาของตน ที่จะพาให้พ้นจากมือมาร
ก่อนจะถึงวันมีอิสรภาพ ได้พ้นมือมาร ต้องตั้งใจตอบแทนพระมหากรุณาของสมเด็จพระบรมครู ให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ด้วยการทุ่มเทสติปัญญาพร้อมความเพียรรักษาหัวใจพระพุทธศาสนาไว้ให้สวัสดีเตรียมใจให้สะอาดที่สุด ด้วยการไม่ทำบาปอกุศลทั้งปวง
เหมือนเตรียมล้างถ้วยล้างชามให้สะอาดเพื่อรองรับน้ำท่าอาหาร ให้ไม่มีความสกปรกให้ไม่ต้องเป็นผู้บริโภคที่อดรังเกียจตัวเองไม่ได้บริโภคไม่สนิทใจ ใจไม่แจ่มใสในการบริโภคอาหารในภาชนะที่มีความสกปรก ภาชนะสะอาดคือใจที่ไม่สกปรกด้วยบาปอกุศล
อาหารใส่ลงในภาชนะก็จะไม่สกปรกเมื่อภาชนะสะอาด คือการทำบุญทำกุศลทั้งปวงจะเป็นบุญเป็นกุศล ที่งามบริสุทธิ์ ปราศจากความสกปรกเศร้าหมองเพราะเป็นการทำที่พร้อมด้วยใจที่เป็นบุญเป็นกุศล
ทุกขณะที่รู้อยู่เห็นอยู่ถึงสภาพจิตใจของตนเอง แม้ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมองเช่นการบริโภคอาหารที่สกปรกในภาชนะที่สกปรกในภาชนะที่สกปรก นั่นคือการชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว
พระนิพนธ์
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
พ ร ะ นิ พ น ธ์ เ พื่ อ ค ว า ม ส วั ส ดี แ ห่ ง ชี วิ ต
แ ล ะ พ ร ะ ค ติ ธ ร ร ม เ พื่ อ เ ป็ น แ ส ง ส่ อ ง ใจ ·