ภาคต่อ เพื่อนแนะนำให้ฉันไปทำ เสน่ห์ยาแฝด "เมื่อฉันไปทำเสน่ห์"ตอนที่2
ฉันเป็นลูกศิษย์ท่านมา 2 ปี แล้วค่ะ
หลังจากที่อาจารย์บอกว่าพี่อั๋นจะกลับมา แล้วเค้าก็มาจริง ๆ เค้ามาเคาะประตูห้อง ง้องอนสารพัด แต่คำสอนของท่านยังดังก้องอยู่ในสมอง เราปฏิเสธที่จะเปิดรับพี่อั๋นเข้ามา หลังจากที่เค้าพยายามเรียกอยู่นาน
จนในที่สุดเค้าก็จากไป สภาพจิตใจตอนนั้น งุนงง สับสน สมองเบาโหวง น้ำตาไหลนองหน้า เรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเราสองคน วิ่งวนกลับไปกลับมาในสมอง ยิ่งรู้ว่าเค้าเดินจากไปแล้ว
จิตใจที่เข้มแข็งเมื่อกี้ กับละลายออกเป็นสายน้ำตา สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้ คือร้องไห้ ร้องให้มันพอ ร้องจนปริ่มจะขาดใจ คืนนั้นทั้งคืนเราไม่ได้หลับแม้นแต่งีบเดียว
รุ่งเช้า สภาพร่างกายที่ไม่มีเรี่ยวแรง สภาพจิตใจที่บอบช้ำ หน้าตาที่มองแทบไม่เหลือเค้าของหญิงสาวผู้สดใส ผู้ทรนง คนแรกที่เราคิดถึงคืออาจารย์เราไปถึงเชียงยืนแต่เช้า นั่งรออาจารย์เมื่อไหร่จะออกมา
“แพ้ใจตัวเองอีกตามเคย” คำแรกที่ท่านกล่าวทัก
เรากราบท่านห้าครั้ง ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกจากปาก นอกจากสายน้ำตาที่พรั่งพรู เหมือนจะให้น้ำตานั้นซะล้างความเจ็บปวดที่สะสมอยู่ในหัวใจให้หมดสิ้น แต่ยิ่งร้องมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดก็เหมือนจะตอกย้ำหนักมากยิ่งขึ้นไป
“ร้องมาทั้งคืน ยังจะมาร้องอีก ถ้ามึงร้องไห้แล้วทำให้มึงลืมมันได้ก็ร้องไป แต่ถ้าร้องแล้วมันยิ่งทำให้ทุกข์ ก็จะร้องไปทำไม”
เราก็ยังร้องอยู่อย่างนั้น ณ วินาทีนั้น อยากจะพูดอยากจะระบายสิ่งต่าง ๆ ที่อัดอั้นอยู่ในใจ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ทีลำคอ น้ำตายังไหลไม่หยุด
“จะเอาแบบไหนบอกมา”
ยิ่งได้ยินเสียงท่านที่เปี่ยมด้วยความเมตตา เรายิ่งร้องไห้
“กลับไปซะ ถ้ามึงยังอ่อนแออยู่อย่างนี้ ใครก็ช่วยมึงไม่ได้ กลับไปร้องไห้ให้พอแล้วค่อยมาคุยกับกู”
“หนูควรทำงัยดีค่ะ”
“ถ้ามึงคิดว่ามึงทำตามใจมึงแล้วมึงมีความสุข มึงก็ทำ หรือถ้ามึงคิดว่ามึงเชื่อกูแล้วมึงทุกข์ มึงไม่อยากทำกูก็ไม่ห้าม คนที่ทุกข์ คนที่ร้องไห้คือมึง ไม่ใช่กู แต่สิ่งที่กูบอก เพราะกูรู้ว่าต่อไปมันจะเป็นไปในทางใด กูหวังดีกับมึงก็เท่านั้น มึงกลับไปคิดกลับไปตัดสินใจเอาเอง
กูช่วยให้มันมาหามึงแล้ว นอกเหนือจากนั้นเป็นหน้าที่ของมึง แต่สิ่งหนึ่งที่กูอยากเตือนสติมึงไว้ เค้าไม่ได้มากับคำว่าใช่ จำคำกูไว้”
ไม่ว่าครั้งไหนที่เรามาหาท่าน จิตใจที่ร้อนรุ่มกับเยือกเย็นลงโดยไม่รู้สาเหตุ ความโศกเศร้า ความวิตกกังวล หายไปไหนเราเองยังไม่รู้ตัวทุกครั้งที่มาหาท่าน เรายิ้มได้ทั้งใจและใบหน้า เหมือนใจได้น้ำหล่อเลี้ยง กลับมีพลังและชุ่มชื่นอีกครั้ง ในเมื่อท่านบอกพี่อั๋นไม่ใช่ เราก็จะตัดใจ
กลับถึงห้องที่พัก พี่อั๋น นั่งรออยู่หน้าห้อง ใจที่เข้มแข็งและแน่วแน่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา กลับมาอ่อนแออีกครั้ง ใจหนึ่งก็ดีใจที่เค้ากลับมาง้อคืนดี ใจหนึ่งก็ยังเจ็บปวด ..
เสียงอาจารย์ก้องอยู่เต็มสองหู
พี่อั๋นเข้ามากอดบอกขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมา ขอโอกาสพี่เค้าสักครั้ง เราซึ่งยังรักพี่อั๋นอยู่เต็มหัวใจ ตอนนี้ใจพองโต วันคืนเก่า ๆ ระหว่างเราสองคนคงกลับมาหวานดั่งเดิม
แล้วเราก็ยอม ให้อภัย กลับมาเริ่มต้นกับพี่อั๋นใหม่อีกครั้ง
เหมือนทุกอย่างจะจบและสงบลงเพียงแค่นี้ แต่เปล่าเลย มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น
เรากับพี่อั๋น กลับมาคบกันเช่นเดิม พี่อั๋นดูแลและเอาใจใส่เราเหมือนวันเก่าๆ ที่เราเคยรักกัน เราเริ่มพูดคุยกันเรื่องงานแต่งงานอีกครั้ง หลังจากที่พี่อั๋นเคยบอกยกเลิกไป
แต่ในความสุข กับมีความทุกข์อันใหญ่หลวงที่แฝงอยู่ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความมั่นใจ และความหนักแน่น ซึ่งเราเคยมีต่อพี่อั๋นมันกลับไม่หลงเหลืออยู่เลย ความหวาดระแวงที่มันฝังอยู่ในใจ ทำให้เราทำในหลาย ๆ เรื่องที่เราไม่เคยทำ เราเริ่มเช็คโทรศัพท์มือถือ เริ่มค้นกระเป๋าตังค์ เราพยายามที่จะข่มความรู้สึก ข่มความคิดในหลาย ๆ เรื่อง พยายามจะลืมเลือนเรื่องราวเก่า ๆ ออกไปจากความรู้สึก แต่ยิ่งห้ามเท่าไหร่ ยิ่มข่มมันไว้ มันก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเรามากขึ้นทุกวัน
ความสุขมีอยู่ได้ไม่นาน วันหนึ่งมีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามาที่โทรศัพท์มือถือของเรา เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเธอบอกว่า เธอเป็นแฟนพี่อั๋น เธอถามเราว่า เราเป็นใคร มีความสัมพันธ์อะไรกับพี่อั๋น เธอบอกให้เราเลิกยุ่งกับแฟนของเธอ
เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย เธอก็วางสาย เราโทรไปหาพี่อั๋น
เล่าเรื่องโทรศัพท์สายลึกลับที่ไม่มีหมายเลขให้พี่อั๋นฟัง
ประโยคแรกที่เราได้ยินจากปากพี่อั๋นคือ พี่เค้าถามเราว่า
เราพูดอะไรบ้าง
เล่าอะไรให้ผู้หญิงคนนั้นฟังหรือเปล่า
เราได้ยินสิ่งที่พี่อั๋นถามเรา ทำเอาเรางงและแปลกใจ ทำไมพี่เค้าต้องถามคำถามนี้กับเรา หลังจากวันนั้นพี่อั๋นเริ่มเปลี่ยนไป พี่อั๋นเริ่มหายไป เราโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย จนกระทั่งวันหนึ่งเราโทรหาพี่เค้าอีกครั้ง คำตอบที่เราได้รับจากเค้าคือ เราเลิกกันเถอะนะ พี่รักผู้หญิงคนนั้น พี่ไม่อยากให้เค้าเสียใจ ระหว่างเราสองคนคงไปด้วยกันไม่ได้ เค้าบอกเค้าพยายามเต็มที่แล้วที่จะประดับประคองให้ความรักระหว่างเราสองคนไปด้วยกันด้วยดี แต่มันไม่ใช่ เวลาที่เค้าอยู่กับเราเค้าไม่มีความสุข เค้าสงสารผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นไม่ผิด เค้าเป็นคนผิดเอง ในเมื่อเค้าเป็นคนไม่ดี เป็นคนที่ผิด เค้าละอายใจที่ทำไม่ดีกับเรา แต่เค้าไม่อยากให้คนนั้นเสียใจ
ยิ่งกว่าฟ้าถล่ม แผ่นดินสลาย เค้ากลัวคนนั้นเสียใจ แต่เค้าไม่เคยคิดบ้างเลยว่าเราก็มีหัวใจ ไม่เคยคิดว่าเราจะเสียใจ เราก็ร้องไห้เป็นมีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก คำว่าเจ็บ ณ ตอนนี้มันใช้ไม่ได้สำหรับความรู้สึกของเราในตอนนี้ มันเจ็บจนชาไปทั้งหัวใจ ชาไปทั้งร่างกายเรานอนนิ่ง ๆ ไม่ไหวติง ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ไหลออกมา น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม มันคือน้ำกรดที่รดหัวใจ
เจ็บปวดจนไม่อยากแม้แต่จะหายใจ เรานอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหน เราปล่อยตัวเองให้จมปรักอยู่บนที่นอน ไม่กิน ไม่นอน ไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้ความเจ็บปวดมันกัดกินหัวใจ กัดกินร่างกาย สมองว่างเปล่า เบาและล่องลอย
อยากตาย
ความคิดอยากตายวูบเข้ามาในสมอง เหมือนคนไร้สติ เราโทรศัพท์หาพี่อั๋น เค้ากลับไม่รับสาย เราส่งข้อความถึงเค้า ขอให้เค้ามาหาเรามาพูดกันมาปรับความความใจ เราขอร้อง
เรานั่งรอ
รอ
รอ
รอ
เวลาผ่านไป มันช่างยาวนาน ในใจก็โกหกตัวเองอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวเค้าก็มา เดี๋ยวเค้าก็มา
สารพัดคำแก้ตัวที่นำมาหลอกตัวเอง แก้ตัวแทนพี่เค้า โกหกตัวเอง เหมือนคนบ้า เหมือนคนสิ้นสติ
ผ่านไป
ผ่านไป
ผ่านไป
เค้าไม่กลับมา …
เราร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
หยิบมีดคัดเตอร์ กรีดลงบนแขน กรีด กรีด กรีด
ความเจ็บปวดจากคมมีดคัตเตอร์ แทบไม่มีผลต่อสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ของเราในตอนนั้น ภาพเหตุการณ์เก่า ๆ ในอดีตผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง แววตาที่หมางเมิน คำพูดที่บาดลึก ท่าทางที่ไม่เหลือเยื้อใยของเค้ามันเข้ามาในโสตประสาท
เจ็บ
ลึก
จนด้านชา
ภาพของแม่
พ่อ
น้องสาว
เข้ามาแทนที่
คิดถึงวันที่แม่ร้องไห้ เมื่อแม่รู้ว่าเราเสียใจ คิดถึงแววตาเศร้าของพ่อ ที่ห่วงเรา คิดถึงน้องสาวตัวเล็กที่ชอบเข้ามาประจบประแจง คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่
ทุกครั้งที่เรากลับบ้าน พ่อกับแม่ และน้องสาว จะคอยห่วงใยคอยเอาใจใส่ดูแล แม่จะเตรียมอาหารที่เราชอบไว้รอ พ่อจะขับรถไปชานเมืองเพื่อไปเลือกซื้อผักหรือผลไม้ที่เราชอบมาเก็บไว้ให้เราเอากลับมารับประทานที่ห้องพัก ก้าวแรกที่เราถึงบ้านเกิด ก็จะพบร้อยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมสุขและอบอุ่นของพ่อกับแม่ แม่จะไม่ยอมให้เราทำอะไรเลย ไม่ว่าจะหุงข้าว กวาดบ้าน ล้างจาน หรือกรอกน้ำเข้าตู้เย็น แม่บอกให้เราอยู่เฉย ๆเรานั่งรถมาไกลคงเหนื่อยมากแล้ว เดี๋ยวแม่ทำเอง
แม่
แม่จ๋า หนูรักแม่
เรารู้สึกหนาวเหน็ยบเข้ากระดูก ตัวเริ่มสั่น และหมดเรี่ยวแรง เราคิดถึง แม่ คิดถึง พ่อ เสียงอาจารย์ดังก้องในสมอง
อาจารย์ช่วยหนูด้วย
แม่จ๋า หนูรักแม่ แม่อยู่ไหนช่วยหนูที แม่ ช่วยหนูด้วย
เราพยายามจะร้อง พยายามตะเบ็งเสียง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึก เราหนาวจนตัวสั่น
ไม่อยากตาย
เรารวบรวมแรงกายครั้งสุดท้าย เสือกไสตัวเราเองจนถึงออกนอกห้อง แรงเฮือกสุดท้ายหมดลงแล้ว ไม่มีแม้นแต่จะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ในสมองคิดถึงแต่ แม่ กับ พ่อ และอาจารย์ต้อม วิงวอนและภาวนาให้อาจารย์มาช่วยหนูที หนูไม่อยากตาย ช่วยหนูด้วย ช่วยด้วย
เรื่องจริง จาก คุณวรรณวิสา
ที่มา: ฤาษีคัมภีร์ คัมภีรปัญโญ
ปล.ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ ฤาษีคัมภีร์
ขอขอบคุณพี่ Nutekkapop Teehouse ที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่านกัน ^_^
----------------------------
ติดตามเรื่องราวดีดีได้ที่ komsanvpr.lnwshop.com ^_^ . ·
หน้าที่เข้าชม | 1,375,972 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,080,589 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ธ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ก.ค. 2568 |