PD-1...ขอแชร์มาจากเฟส พุทธสัจธรรม - Buddha Facts .ขออนุโมทนาในธรรมมาณ.ที่นี้ด้วยครับ สาธุครับ ^_^
มีอยู่เสมอมิใช่หรือ เห็นกันอยู่ตอนเช้า ตอนสายตายเสียแล้ว เห็นกันอยู่ตอนสาย บ่ายตายเสียแล้ว และ เห็นกันอยู่ตอนบ่าย ตอนเย็นตายเสียแล้ว เห็นกันอยู่ตอนเย็น กลางคืนตายเสียแล้ว ความมีชีวิตอยู่ช่างไม่แน่นอนเสียเลย ส่วนความตายเป็นของแน่นอน เราต้องตายเป็นแน่แท้ ... วันคืนล่วงไป ชีวิต และ อายุของสัตว์ทั้งหลายก็เสื่อมไปสิ้นไป ชีวิตเปราบางเหมือนภาชนะดิน มีการแตกทำลายเป็นที่สุด
ใครจะสูงมาด้วยยศ มากล้นมาด้วยบุญ อุดมไปด้วยฤทธิ์ เลิศล้ำด้วยปัญญา มีกำลังมหาศาลเพียงใด หรือแม้พระปัจเจทพุทธเจ้า และ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของความตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ ไหนเล่าความตายจะมาไม่ถึงเรา ?
ใครเล่าจะกำหนกได้ว่าตนจะมีชีวิตอยู่เท่านั้นเท่านี้ ใครเล่าจะรู้ว่าตัวเองจะตายด้วยโรคอะไร ในวันใด เดือนใด ปีใด และ ตายที่ใด , สัตว์โลกทั่วไปทำไม่ได้ .
ถ้าคิดในแง่ดี ถ้าโลกนี้ไม่มีความตาย มนุษย์ทั้งหลาย ก็คงจะมัวเมา และ มีชีวิตอยู่อย่างทรมานมากกว่านี้ พญามัจจุราชคือความตาย แต่เมื่อมองในแง่นี้แล้ว ก็มีบุญคุณต่อมนุษย์มากมายนัก พญามัจจุราชเป็นตุลาการที่เที่ยงธรรมยิ่งนัก ไม่เคยลำเอียงหรือกินสินบนของใครเลย เมื่อความตายมาถึง
" มงกุฎประดับเพชร ก็มีค่าเท่า หมวกฟาง พระคทาอันมีลวดลายวิจิตร ก็เป็นเสมือน ท่อนไม้ที่ไร้ค่า พระราชา , เศรษฐี , นางงาม , ชาวนา หรือ ยาจก ก็ต้องเดินคู่กันไป โดยทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง เอาอะไรมาไม่ได้เลย "
แม่แต่หญิงงามผู้เป็นที่ปรารถนายิ่งนักของบุรุษในพื้นพิภพ เธอผู้งามเช่นนั้น ในที่สุดก็ต้องตกเป็นเหยื่อของความตาย ร่างอันงมงามก็พลันนอนนิ้งเหมือนท่อนไม้ ไร้ค่ายิ่งกว่า เพราะไม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ใดใดได้เลย มีแต่เป็นเหยื่อของหมู่หนอนเข้าชอนไชให้ปรุพลุนเน่าเหม็นเป็นที่สะอิดสะเอียน แม้แต่บุคคลที่เคยรัก เหมือนจะขาดใจ
อะไรเล่าจะเป็นสาระในชีวิตมนุษย์ นอกจากความดีที่เคยบำเพ็ญและทิ้งไว้ให้โลกได้ระลึกถึง ด้วยประการฉะนี้ เจ้าของเรือนร่างที่งดงาม ถ้ามัวเมาแต่ในเรือนร่างอันไร้สาระของตน มิได้ขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ให้สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว " คุณค่าของเขา จะสู้ก้อนอิฐปูนบนถนนได้อย่างไร ? "
อำนาจและชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน ชีวิตเริ่มต้นด้วยเรื่องต้องปกปิดเพราะความอาย ทรงตัวอยู่ด้วยความยุ่งยากสับสน และ จบลงด้วยความเศร้า
เด็กเพิ่งเกิดร้องไห้พร้อมด้วยกำมือแน่น เป็นสัญลักษณ์ว่า เขาเกิดมาเพื่อยึดถือ แต่เมื่อจะหลับตาลาโลก ทุกคนแบมือออก เหมือนเตือนให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำนึกและเป็นพยานว่า ไม่ว่าจะสูงเสียดฟ้า หรือต่ำเตี้ยเลี้ยดิน ก็ไม่มีใครเอาอะไรจากโลกนี้ไปได้เลย ...
อายุของมนุษย์นี้น้อยนัก เวลาแห่งความตายใกล้เข้ามาทุกวินาที จึงไม่ควรประมาท ควรรีบทำกิจที่ควรทำ ลดละความเพลิดเพลินหลงใหลมัวเมาต่างต่าง ให้เบาบางลง อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงเตือนไว้ว่า
" ร่าเริงอะไรกันนัก เพลิดเพลินอะไรกันนัก เมื่อโลกนี้ลุกโพลงอยู่ด้วยเพลิง คือ ความเจ็บ ความแก่ และ ความตาย ท่านทั้งหลายอยู่ท่ามกลางความมืดมนคือความหลง เหตุไฉนจึงไม่แสวงหาดวงประทีปคือ ปัญญา เล่า "
คัดย่อจาก เรื่อง ชีวิตและความตาย โดย พระราชสุทธิญาณมงคล .
ชาตินี้กับชาติหน้า..ห่างกันแค่ เสี้ยววินาที
ติดตามบทความดีดีได้ที่ komsanvpr.lnwshop.com ู^_^ . ·
หน้าที่เข้าชม | 1,376,019 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,080,636 ครั้ง |
เปิดร้าน | 3 ธ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 28 ก.ค. 2568 |